วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่  3
วัน  พุธ  ที่ 31  มกราคม  2561



Knowledge
            วันนี้อาจารย์บรรยายในหัวข้อ  “บทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร”  โดยมีเนื้อหาดังนี้
บทบาทของผู้บริหาร ผู้นำในยุคโลกาภิวัตน์
                เมื่อกล่าวถึงผู้นำ คนส่วนใหญ่จะคิดถึงภาพของผู้ที่มีอำนาจ มีตำแหน่งใหญ่โต มีอิทธิพล ต่อผู้อื่น ผู้นำที่ยิ่งใหญ่สามารถสั่งการได้ หรือเดินตามในทิศทางที่ผู้นำก้าวเดินหรือกำหนดให้ ผู้คนเกรงกลัว
                นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการบริหาร ผู้นำยังคงเป็นความคาดหวังสูงสุดในการแบกรับภาระ นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ แต่ทว่า บทบาทผู้นำในยุคของพระนเรศวรมหาราชกับผู้นำของวันนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจ หากผู้นำคนใดยังผูกขาดการตัดสินใจ ไม่ยอมสร้างการมีส่วนร่วม ก็ยากที่จะนำพาองค์กรหรือประเทศอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ผู้นำยุคนี้ต้องทำงานเชิงรุกเพื่อสร้างความได้เปรียบอยู่เสมอ
ความหมายและประเภทของผู้นำ
                ผู้นำ (Leader) หมายถึง บุคคลที่มีศิลป บุคลิกภาพ ความสามารถ เหนือบุคคลทั่วไป สามารถชักจูงให้ผู้อื่นปฏิบัติตามที่ต้องการได้ ส่วนความเป็นผู้นำ (Leadership) เป็นกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ผู้บริหารทุกคนควรเป็นผู้นำ และมีภาวะผู้นำ แต่ผู้นำไม่สามารถเป็นผู้บริหารที่ดีได้ทุกคน เพราะผู้บริหารต้องมีทักษะ มีความสามารถในหน้าที่ของผู้บริหารด้วย

ประเภทของผู้นำ
1.             ผู้นำตามอำนาจหน้าที่ เป็นผู้นำโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ (Authority) และมีอำนาจบารมี (Power) เป็นเครื่องมือ มีลักษณะที่เป็นทางการ (Formal) และไม่เป็นทางการ (Informal) เกิดพลังร่วมของกลุ่มในการดำเนินงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ อำนาจนี้ได้มาจาก กฎหมาย กฎระเบียบ หรือขนบธรรมเนียม ในการปฏิบัติ จำแนกผู้นำประเภทนี้ออกเป็น 3 แบบ คือ  1. ผู้นำแบบใช้พระเดช
2.ผู้นำแบบใช้พระคุณ  3.  ผู้นำแบบพ่อพระ
2.             ผู้นำตามการใช้อำนาจ 
2.1 ผู้นำแบบเผด็จการ   (Autocratic Leadership) หรือ อัตนิยม
2.2  ผู้นำแบบเสรีนิยม (Laisser-Faire Leadership) หรือ Free-rein Leadership
2.3  ผู้นำแบบประชาธิปไตย (Democratic Leadership)
3.   ผู้นำตามบทบาทที่แสดงออก  จำแนกเป็น  3 แบบ คือ
                                3.1  ผู้นำแบบบิดา-มารดา (Parental Leadership)
3.2  ผู้นำแบบนักการเมือง  (Manipulater Leadership)
3.3  ผู้นำแบบผู้เชี่ยวชาญ  (Expert Leadership)
คุณสมบัติของผู้นำ
                ผู้ที่จะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้ จะต้องเป็นมาตั้งแต่เกิด ไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาภายหลังได้ (Leader are bone, not made)
คุณสมบัติพื้นฐานที่ทำให้ผู้นำแตกต่างจากบุคคลทั่วไป
                1. ความมุ่งมั่น (drive)
                2. แรงจูงใจในการเป็นผู้นำ (Leadership Motivation)
                3. ความซื่อสัตย์ (Integrity)
                4. ความเฉลียวฉลาด (Intelligence)
                5. ความมั่นใจในตัวเอง (Self-confidence)
                6. ความรอบรู้ในสิ่งที่ตนเองทำ (Knowledge of the Business
ภาวะผู้นำ กระบวนการหรือพฤติกรรมการใช้อิทธิพลเพื่อควบคุม สั่งการ เกลี้ยกล่อม จูงใจ ให้ผู้ตามหรือกลุ่ม ปฏิบัติตามเพื่อการบรรลุเป้าหมาย หรือความเป็นผู้นำนั้นเอง คุณสมบัติของผู้นำมีหลายอย่าง หลายด้าน ผู้นำจะต้องมีความสามารถในการปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นให้ถูกต้องและได้ผลดี โดยมีองค์ประกอบดังนี้
                1. ตัวผู้นำ                        2. ผู้ตาม
                3. จุดหมาย                      4. หลักการและวิธีการ
                5. สิ่งที่จะทำ                   6. สถานการณ์
ภาวะผู้นำ (Leadership)
1.             ผู้นำโดยกำเนิด
2.             ผู้นำที่มีความอัจฉริยะ
3.             ผู้นำที่เกิดขึ้นตามสายงานบริหาร
4.             ผู้นำตามสถานการณ์
บทบาทหน้าที่ของผู้นำ
                1. ชี้แนะ ให้คำปรึกษา กำกับดูแล (Coaching)
 2. เปลี่ยนทัศนคติลึก ๆ ในตัวคน
 3.  ดึงศักยภาพที่มีอยู่ โดยไม่ต้องเอาความรู้ข้างนอกมามากนัก
                4.  ทำให้สถานที่ทำงานเป็นที่รักของพนักงาน
5.   Full fill Basic Need ให้คนในองค์การ เช่น ให้ตำแหน่ง
6.  ดึงคนให้หลุดพ้นจากความเห็นแก่ตัว ทัศนคติต้องเปลี่ยน



Evaluation

Teacher   อาจารย์เตรียมเนื้อหาในการสอนมาพร้อม  และมีวิธีการสอนที่ไม่น่าเบื่อ
            Friend     แต่งตัวถูกระเบียบ  ตรงต่อเวลา   ไม่คุยในเวลาเรียน
            My  Self   แต่งตัวถูกระเบียบ  ตรงต่อเวลา  ตั้งใจเรียน







บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่  2
วัน  พุธ  ที่ 24  มกราคม  2561


Knowledge


            วันนี้อาจารย์บรรยายในหัวข้อ “ความหมายและความสำคัญของการบริหารสถานศึกษา”  โดยมีเนื้อหาดังนี้
ความหมายของการบริหารการศึกษา ( Education Administration )
                การบริหารการศึกษา แยกออกเป็น 2 คำ คือ การบริหาร และ การศึกษา ความหมายของ การบริหาร  คือ การดำเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้ส่วนความหมายของ การศึกษาคือ  การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคน
               เมื่อนำความหมายของ การบริหารมารวมกับความหมายของ การศึกษาก็จะได้ความหมายของ การบริหารการศึกษา    ว่า  การดำเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี
                การบริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่หัวหน้าหรือผู้นำดำเนินงานเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กร โดยใช้กระบวนการบริหารกลุ่มบุคคล กระบวนการต่างๆ ในการดำเนินงานของกลุ่มบุคคลให้เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำใหม่ เป็นผู้นำทางความคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ การสร้างแรงจูงใจและจัดสรรการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เป็นกลุ่มงานที่สัมพันธ์กันอย่างดี มีกลังคนที่มีความสามารถพร้อมสร้างบุคลากรให้ทำงานได้อย่างถูกต้องเพื่อให้บุคลากรร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพของงานภายในสถานศึกษาและให้บริการทางการศึกษาแก่สมาชิกของสังคม
 การบริหารสถานศึกษาหรือการบริหารองค์กร  สิ่งที่ต้องตระหนักหรือให้ความสำคัญ คือการบริหารงานบุคคล เพราะบุคคลเป็นทรัพยากรที่มีค่าในองค์กร ที่สามารถพัฒนาศักยภาพได้ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถดำเนินกิจการต่างๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ช่วยให้บุคคลที่ปฏิบัติงานในองค์กรมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรที่ปฏิบัติงาน เสริมสร้างความมั่นคงแก่สังคมและประเทศชาติ นั้นหมายถึงผู้บริหารจะต้องมีความรู้เรื่องการบริหารเป็นอย่างดี

หลักการ แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษา
                    หลักการบริหารงานบุคคล   สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2545)  ให้แนวคิดในการบริหารและการจัดการที่ดี เพื่อมาปรับใช้ในบริบทขององค์กรทางการศึกษา ในประเด็กดังนี้
1. การกำหนดจุดหมาย ผลที่คาดหวัง หรือภาพความสำเร็จของการบริหารและการจัดการที่ดี (Goal / Expected / Output)
2. กระบวนการบริหารและการจัดการที่ดี (Process)
3. ทรัพยากรในการบริหารจัดการที่ดี (Input / Resource)
4. ระบบควบคุม (Feedback / Control System)
5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารและการจัดการที่
ขอบข่ายของการปฏิบัติงานของสถานศึกษาในการบริหารงานบุคคลนั้นมีภาระงานที่สำคัญๆ ที่สถานศึกษาควรปฏิบัติ ประกอบด้วย
1. การวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง โดยมีการวิเคราะห์ภารกิจและประเมินสภาพความต้องการกำลังคน กับภารกิจของสถานศึกษามีการจัดทำภาระงานสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และแจ้งภาระงาน มาตรฐานคุณภาพงาน มาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ เกณฑ์ประเมินผลงานแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาก่อนมีการมอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติงาน
2. การสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง โดยมีการดำเนินการสอบแข่งขัน สอบคัดเลือกและคัดเลือกในกรณีจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษในตำแหน่งครูผู้ช่วย  ครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นในสถานศึกษา

ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสถานศึกษา


    หลักการบริหารงานบุคคล   สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2545)  ให้แนวคิดในการบริหารและการจัดการที่ดี เพื่อมาปรับใช้ในบริบทขององค์กรทางการศึกษา ในประเด็กดังนี้

1. การกำหนดจุดหมาย ผลที่คาดหวัง หรือภาพความสำเร็จของการบริหารและการจัดการที่ดี (Goal / Expected / Output)
2. กระบวนการบริหารและการจัดการที่ดี (Process)
3. ทรัพยากรในการบริหารจัดการที่ดี (Input / Resource)
4. ระบบควบคุม (Feedback / Control System)
5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารและการจัดการที่
ขอบข่ายของการปฏิบัติงานของสถานศึกษาในการบริหารงานบุคคลนั้นมีภาระงานที่สำคัญๆ ที่สถานศึกษาควรปฏิบัติ ประกอบด้วย
1. การวางแผนอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่ง โดยมีการวิเคราะห์ภารกิจและประเมินสภาพความต้องการกำลังคน กับภารกิจของสถานศึกษามีการจัดทำภาระงานสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และแจ้งภาระงาน มาตรฐานคุณภาพงาน มาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ เกณฑ์ประเมินผลงานแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาก่อนมีการมอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติงาน
2. การสรรหาและบรรจุแต่งตั้ง โดยมีการดำเนินการสอบแข่งขัน สอบคัดเลือกและคัดเลือกในกรณีจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษในตำแหน่งครูผู้ช่วย  ครูและบุคลากรทางการศึกษาอื่นในสถานศึกษา




1.               การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific management)
      Frederick. W. Taylor (เทเลอร์) บิดาแห่งการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ ได้เสนอ หลัก 4 ประการ
                1. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ มีการแยกวิเคราะห์งาน
                2. มีการวางแผนการทำงาน
                3. คัดเลือกคนทำงาน
                4. ใช้หลักการแบ่งงานกันทำระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติ
2.    ทฤษฏีการจัดการเชิงบริหาร (Administration management)
Henry Fayol : หลักการบริหาร 14 หลักการ และขั้นตอนการบริการ POCCC
 Chester Barnard : ทฤษฏีการยอมรับอำนาจหน้าที่
                Luther Gulick : ใช้หลักการของ Fayol
               โดยใช้คำย่อว่า POSDCoRB ซึ่งเป็นหน้าที่ 7 ประการ
Max Weber พัฒนาหลักการจัดการแบบราชการ
                                1. มีกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อควบคุมการตัดสินใจ
                                2. ความไม่เป็นส่วนตัว
                                3. แบ่งงานกันทำตามความถนัด ความชำนาญเฉพาะทาง
                                4. มีโครงสร้างการบังคับบัญชา
                                5. ความเป็นอาชีพที่มั่นคง
                                6. มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ โดยมีกฎระเบียบรองรับ
                                7. ความเป็นเหตุเป็นผล
ทั้ง 3 ทฤษฏี มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร
                ความเหมือน
                1. ด้านโครงสร้าง เน้นการแบ่งงานกันทำ การมีสายการบังคับบัญชา กำหนดหน้าที่ของการบริหาร เน้นหลักการ
                2. ด้านผู้ปฏิบัติ เหมือนเครื่องจักร เน้นสิ่งจูงใจด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในงาน ความต้องปรับตัวเข้ากับงาน
                3. ด้านผู้นำ ให้ความสำคัญกับบทบาทผู้นำ เอกภาพ ระบบคุณธรรม เป้าหมายองค์กรสำคัญกว่าบุคคล
                4. ด้านการตัดสินใจ เน้นความเป็นเหตุผล ประสิทธิภาพ กำไร
ความต่าง
                Taylor : กำหนดวิธีการทำงานที่ดีที่สุด The one best way
                Fayol   : เน้นหลักการ 14 หลักการ
                Weber   : เน้นระเบียบข้อบังคับ มีเกณฑ์ประเมินผล

ต่อมาจารย์ให้เพื่อน  3 ตน  ออกมานำเสนอคำคม


“ทำงานอย่าหวังรวดเร็วเกินไป
อย่าหวังสิ่งตอบแทนเล็กน้อย
เอาแต่จะให้เสร็จเร็ว  แต่ไม่สามารถบรรลุจุดหมาย
เอาแต่หวังสิ่งเล้กน้อยก็จะทำการใหญ่ไม่ได้”



“ไม่มีสิ่งใด
อยู่สูงเกินกว่า
ความพยายาม”


“ตราบใดที่คุณยังไม่ลองลงมือทำ
จงอย่าเชื่อว่าคุณจะทำไม่ได้”


Evaluation
Teacher   อาจารย์แต่งตัวสุภาพ  อธิบายเนื้อหาได้ละเอียดและเข้าใจง่าย
            Friend     แต่งตัวถูกระเบียบ  ตรงต่อเวลา   ไม่คุยในเวลาเรียน
            My  Self   แต่งตัวถูกระเบียบ  ตรงต่อเวลา  ตั้งใจเรียน





บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่  1
วัน  พุธ  ที่   17  มกราคม  2561



************ไม่ได้เข้าเรียนเนื่องจากเข้าร่วมติวที่ทางคณะจัด*************

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่   15 วัน    พุธ     ที่  25    เมษายน   2561 Knowledge               วันนี้เริ่มการเรียนการการสอนโดยกา...